ทำอย่างไร...จะอยู่ฟ้าเดียวกันกับ โควิดได้ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หรือ “หมอดื้อ” คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้มุมมองสรุปสั้นๆไว้ว่า สู้กับโควิด...ไม่มีสูตรใดสูตรหนึ่งเป็นสูตรสำเร็จ คนต้องมีสุขภาพดี วัคซีนไม่ถึงกับต้องมากมายนัก
...ติดไปแล้วกลับกลายเป็นดีในระยะหลัง (ถ้าไม่เจ๊งจาก...ลองโควิด) และต้องระแวดระวัง ติดตามสถานการณ์ เคร่งครัด...อาการเริ่มมา สกัดกั้นด้วยยาในทันที
กรณีตัวอย่างประเทศที่มีความสำเร็จอย่างสูง มีความเป็นปึกแผ่นในรากฐานของรัฐบาล วิทยาศาสตร์และประชาชน เช่น ประเทศเดนมาร์ก ทั้งนี้ โดยที่มีระบบสาธารณสุขที่โปร่งใส ใช้วิทยาศาสตร์ในการเข้าใจโควิดอย่างเที่ยงตรงและประชาชนมีความไว้ใจรัฐบาลมาอย่างเนิ่นนาน
ประเทศเดนมาร์กประกาศในต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2565 แล้วว่า เราจะอยู่ใต้ฟ้าเดียวกันกับโควิด ทั้งนี้ ประเทศเดนมาร์กถูกรุกราน ด้วยโอมิครอน บีเอ 1 ก่อน และถูกแทนที่ด้วยโอมิครอน บีเอ 2 และสายต่อๆมา
...
และ...ด้วยความที่เป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าอย่างสูงในการถอดรหัสพันธุกรรมของไวรัสอย่างหมดจดตลอดเวลา ทำให้ทราบข้อมูลจริงของการติดเชื้อ การระบาด และวิเคราะห์แยกแยะ ความรุนแรงของการเสียชีวิต หรืออาการหนักที่ต้องเข้าโรงพยาบาล
ทั้งนี้ ด้วยต้นทุนทางสุขภาพของประชาชนในประเทศที่แข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวที่เมื่อติดโควิดจากที่ควรจะอาการเบาจะกลายเป็นหนักสาหัส ทำให้เดนมาร์กประกาศอิสรภาพต่อภาวะเข้มงวดกวดขัน
โดยให้คนแข็งแรงหนุ่มสาวเริ่มปฏิบัติอาชีพภารกิจได้อย่างเต็มที่ เพราะถือว่ามีภูมิจากการติดเชื้อและจากการฉีดวัคซีน แต่ในขณะเดียวกันตระหนักถึงผู้สูงวัยและผู้ที่มีโรคประจำตัว โดยมีมาตรการในการป้องกันและรักษากลุ่มคนเปราะบางเหล่านี้
ความเป็นไปของประเทศเดนมาร์กต่างกันอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งประสบกับโอมิครอนในลักษณะเดียวกัน แต่ต่างกันตรงสุขภาวะ สุขภาพของประชาชนไม่ได้ดีเท่าเดนมาร์ก
“ประชาชนเข้าไม่ถึงการรักษาโดยมีระบบประกันสุขภาพ ซึ่งต้องเสียเบี้ยประกันมหาศาลและแม้กระทั่งคนที่เป็นเบาหวานการรักษาด้วยการฉีดอินซูลินยังทำได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะแพง”
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ บอกว่า ด้วยปัจจัยของความไม่เท่าเทียมของประชาชน ความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจในรัฐบาลซึ่งใช้การเมืองเป็นตัวนำในการแก้ปัญหา ทำให้ตัวเลขผู้ป่วยอาการหนักและผู้เสียชีวิตยังมีจำนวนสูงมากแม้จะเป็นโอมิครอนก็ตาม
เมื่อมองประเทศเดนมาร์กแล้วซึ่งยอมอยู่ “ใต้ฟ้าเดียวกัน” กับ “โควิด” ก็คงต้องหันมามองประเทศจีนซึ่งกว้างใหญ่มหาศาลและมีประชาชนมากมายถึง 1,400 ล้านคน
นโยบายเป้าหมายของประเทศจีน คือให้มีคนติดเชื้อโควิดเป็น0 (zero COVID) ซึ่งเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อและถูกวิจารณ์อย่างรุนแรงจากประเทศตะวันตกว่าเป็นนโยบายสิ้นเปลืองสิ้นคิดและไม่เข้าท่า
ดังนั้น...การรับรู้ในรายละเอียดเส้นทางไปสู่เป้าหมายเพื่อบรรลุสู่จุดเชื้อจำนวนที่ 0(zero COVID) ของประเทศจีน (หนึ่งเดียวในโลก) ที่ยืนหยัด ไม่เคยเปลี่ยน ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา จึงเป็นสิ่งที่น่าศึกษาและน่าวิเคราะห์ว่า...เป็นสิ่งที่มีเหตุผลและสมควรอย่างยิ่งหรือไม่
เพื่อจะได้เห็นว่า จีนนั้นกล้าทำในสิ่งที่เกือบทุกประเทศ ในโลกไม่กล้า
แม้กระทั่งจะคิดและเพื่อที่จะได้ทราบว่า จีนได้ทุ่มเท เสียสละ ใช้กำลังคน ใช้เงินทอง ทรัพยากร หลักวิทยาศาสตร์ ความรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ทำให้มาถึงสถานะปัจจุบัน
ซึ่งจริงๆแล้ว หากไม่มีโอมิครอนที่แพร่อย่างรวดเร็ว จีนคงบรรลุเป้าหมายโควิดเป็น 0 ไปแล้ว
หากดูจากจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศก่อนโอมิครอนที่เป็นตัวเลขหลักเดียวคือ ต่ำสิบ และถึงแม้ว่าจะยังไม่เป็นศูนย์ในสิบเดือนแรกของปี 2022 แต่จำนวนคนติดเชื้อในประเทศต่ำกว่าร้อยในมณฑลใหญ่ ทั้งจากภายในประเทศบวกจากต่างประเทศ จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศจีนเป็นตัวเลขที่น่าเชื่อถือและมีมาตรฐาน
เพราะมีการตรวจวินิจฉัย...คัดกรองอยู่ในระดับเดียวกันหรือสูงกว่าประเทศเดนมาร์ก ทั้งนี้ เนื่องจากประชากรมากกว่าอย่างมากมาย
...
วันเวลาผ่านไป...ในประเทศจีนช่วงปลายปี 2022 เริ่มอยู่ใต้ฟ้าเดียวกันกับโควิดแล้ว เพราะแรงอัดอั้นมานาน
ขณะนี้มีติดแพร่หลายจริง เมื่อผ่อนคลายมาตรการ แต่มีการติดตามอย่างเคร่งครัด แต่อาการหนักไม่มาก ไม่กระทบระบบสาธารณสุขเลยและเสียชีวิตน้อยมาก แม้จะมีติดเป็นหลายหมื่นคนต่อวัน
อีกทั้งวัคซีนที่ใช้เป็นหลักยังคงเป็นวัคซีนเชื้อตาย แม้ในระยะหลังจะมีวัคซีนเทคโนโลยีใหม่ก็ตาม แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า “วัคซีนเชื้อตาย” ที่ใช้มาตลอดทั่วประเทศตั้งแต่สามปีที่แล้วยังสามารถปกป้องอาการของสายย่อยใหม่โอมิครอนได้ดีมาก แม้จะเจอกับ BX7 และสายย่อยอื่นๆแบบนานาประเทศ
....ที่เมืองเล็กๆในมณฑลซานตง มีหมอให้สัมภาษณ์ เชื้อติดเร็วมากๆ บอกว่า 10 วันมีคนไข้มาโรงพยาบาลหาหมอ 4,000 ราย ไม่มีอาการหนักแม้แต่รายเดียว เป็นกรณีตัวร้อน อาการหวัดมาหายากินเท่านั้น
แต่ปัญหาสำคัญมีว่า...ตอนนี้ยาแก้หวัด แก้ไข้ ประเภทนี้ขาดแคลนทั่วประเทศ
อีกประเด็นที่น่าสนใจขณะที่ในทวีปแอฟริกาและประเทศแอฟริกาใต้ ฉีดวัคซีนปริมาณน้อยมาก แต่ปัญหาจากโควิดแทบไม่มี?...บทสัมภาษณ์จากคุณหมอโรคติดเชื้อที่ยูกันดาในวันที่ 21 ธันวาคม 2022
...
ถึงตรงนี้ขอฝาก...ข้อควรระวังเอาไว้อีกข้อที่อาจมองข้ามกัน นั่นก็คือฉีดวัคซีน mRNA ต้องประเมินความเสี่ยงของหัวใจอักเสบ ถึงแม้เข้าใจว่าเกิดไม่มาก แต่ถ้าเกิดแล้วความรุนแรงอาจสูง
รายงานจากคณะแพทย์เยอรมนีทางพยาธิวิทยาที่มีชื่อเสียง พิสูจน์จากการตรวจศพของผู้ที่ได้รับวัคซีน mRNA และเสียชีวิตเฉียบพลันภายใน 7 วัน จำนวน 25 ราย อายุ 45-75 ปี โดยแสดงความผิดปกติในกล้ามเนื้อและเยื่อหุ้มหัวใจมีการอักเสบเป็นหย่อมๆและทำให้สามารถสรุปได้ว่า...ทำให้เกิดหัวใจเต้นผิดปกติ
ทั้งนี้...ตัวเลขจริงและความรุนแรงของกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบอาจจะมากกว่าที่เคยคิดหรือไม่?
ผลแทรกซ้อนของวัคซีนจากความเป็นไปได้จะเพ่งเล็งประเด็นเรื่องเส้นเลือดในหัวใจตัน หรือทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบทั่วไปคือ...หัวใจวาย แต่ในกรณีที่อาจมองข้ามก็คือเป็นกระจุกของเซลล์อักเสบที่อยู่ในกล้ามเนื้อหัวใจและเยื่อหุ้มหัวใจ ที่ไปขัดขวางเส้นใยประสาทนำไฟฟ้าของหัวใจ ทำให้หยุดเต้นกะทันหัน
และ...ถ้ากระตุ้นหัวใจขึ้นมาได้จะตามต่อด้วยกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบทั่วไป ทำให้หัวใจบีบตัวไม่ไหวตามด้วยหัวใจวาย
...
ศ.นพ.ธีระวัฒน์สรุปบทเรียนจากโควิดทิ้งท้ายว่า จะอยู่ฟ้าเดียวกันกับโควิดได้ สิ่งสำคัญ...ต้องเรียนรู้จากรอบด้าน ประเทศไทยมีแดดแจ๋ คนมีใจเอื้อเฟื้อ สกปรกเล็กๆน้อยๆเป็นประจำตามปกติ เพิ่มภูมิต้านทาน และมีฟ้าทะลายโจร...สมุนไพรไทยควบรวมสุดยอด.